ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความ บาคาร่าออนไลน์ เคลื่อนไหวผิดปกติ แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ขอเชิญบุคคลทั่วไปร่วมบริจาคสมทบทุนบริจาคไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน เพื่อมอบให้แก่ผู้ยากไร้ หรือร่วมบริจาคเงิน เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดอุปกรณ์ช่วยเดินในการช่วยเหลือผู้ป่วยพาร์กินสัน และผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเดินและการทรงตัว นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ ยังจะมอบไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน จำนวน 500 อันให้แก่ ผู้ป่วยและผู้สูงอายุ ทั่วประเทศไทยที่ประสบความเดือดร้อนจากโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ผู้ที่จะขอรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทานต้องเป็นผู้ที่เข้าเกณฑ์การคัดเลือก* จากทางศูนย์ฯ
ไม้เท้าพระราชทานเป็นไม้เท้าที่สามารถให้แสงกระตุ้นการเดินเมื่อผู้ป่วยมีอาการเดินติดขัด
โดยอาศัยแสงเลเซอร์สีเขียวที่ปล่อยออกมาจากไม้เท้า เมื่อผู้ป่วยมีอาการเดินติด เพื่อเป็นสัญญาณกระตุ้นทางสายตา (Visual cues) ซึ่งไม้เท้านี้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงพระราชทานนามว่า ‘ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน’ เมื่อ ปี พ.ศ. 2553 ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคได้ตั้งแต่วันนี้ที่ บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เลขที่ 407-138044-5 ชื่อบัญชี “ไม้เท้าเพื่อผู้ป่วยพาร์กินสัน” และส่งหลักฐานการโอนเงินมาที่ Line ID: @lasercane สำหรับผู้ที่ต้องการรับไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน สามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์โรคพาร์กินสันฯ อาคาร สธ ชั้น 12ในวันอังคาร พุธ ศุกร์ เวลา 13.00-15.30 น. เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป และตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.chulapd.org และสามารถลงทะเบียนขอรับไม้เท้าได้ที่ Line ID:@Lasercane
รายละเอียดวงเงินให้กู้ไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหลักประกัน เพื่อซื้อ (ครอบคลุมทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสอง) ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการอยู่อาศัย
โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.99% ต่อปี นานถึง 2 ปีแรก เช่น กรณีกู้ 1 ล้านบาท จะผ่อนชำระ 2 ปีแรกเพียง 3,300 บาทต่อเดือน เท่านั้น นอกจากนี้ยังยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ คิดค่าประเมินราคาหลักประกันในอัตราพิเศษ และให้ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี
ผู้สนใจสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 30 ธ.ค. 63 ติดต่อขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร. 0 2645 9000
อ่านฉบับเต็ม! ราชกิจจานุเบกษา ประกาศปลด-คลายล็อกดาวน์เฟส 3
วันที่ 29 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 9)
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2563 จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563 นั้น
โดยที่ยังปรากฏการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในต่างประเทศและมีโอกาสจะแพร่เข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากมีผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างต่อเนื่องและพบว่ายังมีผู้ติดเชื้อดังกล่าว ประกอบกับองค์การอนามัยโลกได้เตือนว่าการผ่อนคลายความเข้มงวดหลายมาตรการและพร้อมๆ กันในหลายประเทศ อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้ซึ่งเมื่อคำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศและปัจจัยเสี่ยงจากบุคคล สถานที่ และประเภทของกิจกรรมบางอย่างแล้ว
แม้ด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและประชาชนทุกฝ่าย สถานการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาจะดีขึ้น แต่ฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงเห็นว่า ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งกำลังจะผ่อนคลายการบังคับใช้บางมาตรการในช่วงที่ 3 นับจากนี้ไปให้มากขึ้นกว่าเดิม จนใกล้เคียงกับการดำเนินวิถีชีวิตตามปกติ ยังจำเป็นต้องติดตามดูแลสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ต่อไปให้สงบนิ่งอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่วางใจได้อีกระยะหนึ่ง เพื่อว่าหากจำนวนผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มหรือ โอกาสเสี่ยงมีมากขึ้น จะได้ระงับหรือเปลี่ยนแปลงการผ่อนคลายบางส่วนหรือทั้งหมดได้ทันท่วงที
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรี จึงออกข้อกำหนดเป็นการทั่วไป และข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการทั้งหลาย ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 การห้ามออกนอกเคหสถาน ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถาน ระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกา ถึงเวลา 03.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น และให้ข้อยกเว้น การห้ามออกนอกเคหสถานตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2563 ยังคงใช้บังคับต่อไป
ข้อ 2 การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2563 ในระยะแรกนี้ให้ทยอยผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเพื่อจัดการศึกษา การอบรม การประชุมหรือเพื่อประโยชน์ในการสอบ หรือการคัดเลือกบุคคล บาคาร่าออนไลน์